วันนี้อีฮั้นได้รวมเมืองน่ารักๆ หรือหมู่บ้านที่ถ้ามาญี่ปุ่นแล้วอยากให้แวะมาดูกันค่ะ บางคนอาจจะเคยผ่านไปบ้างแต่ไม่ได้เดินเล่นถ่ายรูป บางคนแค่นั่งรถผ่านเพราะไม่รู้ ซึ่งจริงๆ แล้วสถานที่เหล่านี้ก็มีทั้งที่เพื่อนๆ ยังไม่ค่อยรู้จัก แล้วก็รู้จักดี
และบางที่ก็ไม่ได้เป็นที่พักอาศัยแบบแต่ก่อน กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ไปแล้วบ้าง หรือร้านค้าไปแล้วตามกาลเวลา แต่เราก็ยังสามารถชมความสวยงามได้และไม่ใช่แค่สไตล์ญี่ปุ่นเท่านั้นนะคะ วันนี้เราเอามาให้หลากหลายค่ะ จะยุโรป หรือญี่ปุ่นถ้าถ่ายรูปแล้วสวยวันนี้รวมให้ถึง 20 แห่งด้วยกัน !! ตามไปดูกันเลยว่าที่ไหนจะตรงกับแผนการเที่ยวญี่ปุ่นของเพื่อนๆ รอบนี้บ้างค่ะ
1. ทาคายาม่า (Takayama)
จังหวัดกิฟุ ที่นี่คงเป็นเมืองเก่า ที่ใครๆ ก็เรียกกันว่าลิตเติ้ลเกียวโต เมืองแห่งนี้ไม่ใช่แค่จะมีบ้านที่คงไว้แบบยุคเกียวโตแต่ยังมีร้านค้า ของกิน ร้านอาหารอร่อยๆ ที่ถูกทำจากเนื้อฮิดะ วากิว เลยทำให้เมืองนี้มีเสน่ห์ของอาคาร และอาหารนั่นเอง ส่วนใครไม่ได้ทานเนื้อก็สามารถที่จะรับประทานอย่างอื่นได้ค่ะ
การเดินทาง : เดินทางจากสถานีนาโกย่า ด้วย Meitetsu บัส หรือรถไฟสาย JR Limited Express Wide View Hida โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 22 นาที
ที่พักแนะนำ2. คานาซาว่า (Kanazawa)
จังหวัดอิชิคาว่า ที่นี่มีเมืองเก่าให้ชมหลายจุด โดยเพื่อนๆ สามารถซื้อตั๋วบัสเที่ยวได้ทั้งเมือง 1 วันแล้วเที่ยวให้ครบทุกจุดได้ไม่ว่าจะเป็น Higashi Chaya สวน Kenrokuen ปราสาทคานาซาว่า ฯลฯ แต่ถ้าไปหลายคนแนะนำให้โดยสารแท็กซี่ค่ะ ลองไปเที่ยวกันดูที่นี่น่าอยู่มากๆ
การเดินทาง : สามารถเดินทางจากโตเกียวด้วยรถไฟชินคันเซ็น Hokuriku ถ้าหากโดยสารรถไฟเที่ยวที่เร็วที่สุด Hakutaka หรือ Kagayaki จะสามารถใช้เวลาได้เพียง 2 ชั่วโมง 34 นาทีเท่านั้น
ที่พักแนะนำ3. มัตสึโมโตะ (Matsumoto)
จังหวัด นากาโน่ เมืองที่ผสมผสานทั้งความเก่า ความใหม่ไว้ด้วยกัน เป็นเมืองแนวๆ ที่น่าเดินเล่น และน่าพักสักคืนถ้าใครมาเที่ยวปราสาทมัตสึโมโตะ ก็พักสักคืนก็ไม่เลวเลยนะคะ หรือถ้าใครที่ชอบแช่ก็สามารถเดินทางไปอาสะมะออนเซ็นได้นะคะ เดินทางแค่ไม่กี่จากสถานีมัตสึโมโตะนาทีก็ถึง
การเดินทาง : เดินทางจากชินจูกุ Keio Bus Terminal ฝั่ง West ในราคา 3,500 เยน / คน(แล้วแต่ช่วงเวลา) หรือเดินทางจากสถานีชินจูกุด้วยรถไฟสาย Super Atsusa
4. อาชิคางะ (Ashikaga)
จังหวัดโทชิกิ เมืองเก่าแห่งนี้ยังคงมีมากกว่าการชมใบไม้เปลี่ยนสีหรือการเดินทางมาเที่ยววัด และโรงเรียนประถมที่มีความเก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น นั่นคือเมืองเก่าของเค้านั่นเอง ถึงจะมีพื้นที่ไม่ได้มีความยาวมากเท่าไหร่นัก แต่เมืองแห่งนี้เงียบสงบ และมีของเสน่ห์ของตัวเอง โดยเฉพาะในช่วงใบไม้เปลี่ยนสี เพื่อนๆ สามารถมาชมได้พร้อมๆ กับใครที่เดินทางมาชมสวนอาชิคางะ ชมไฟ ดอกไม้ในฤดูหนาวแล้วก็แวะมาที่เมืองนี้ก็ถือว่าคุ้มค่าที่สุดค่ะ
การเดินทาง : เดินทางจากสถานีอาสะกุสะ (浅草) ด้วยรถไฟสายโทบุ (東武) ด้วยการโดยสารรถด่วนจะใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมง 26 นาที จากนั้นให้ลงที่สถานีอาชิคางะ (足利) จากสถานีอาชิคางะ (足利) เดินเพียง 5 นาที
ที่พักแนะนำ
5. ยานะคะ (Yanaka)
โตเกียว เมืองเก่าที่ชื่อว่า ‘Yanaka-Nezu-Sendagi’ หรือที่เรียกว่า Yanezen เป็นย่านที่ยังคงเอกลักษณ์แบบญี่ปุ่นสมัยก่อน มีร้านค้าศาลเจ้าและวัดจำนวนมากที่ตกแต่งแบบสมัยเอโดะ
ข้อมูล และภาพถ่ายโดย : Pinku Sinipa
การเดินทาง : จากสถานี Nippori เมื่อลงจากสายรถไฟ JR Yamanote หรือสาย Keihin-Tohoku (สีฟ้า) และสามารถเดินทางด้วยสาย Keisei มายังที่สถานีนิโปริ ได้เช่นกันค่ะ จากนั้นให้เดินไปยัง Yanaka Ginza โดยใช้เวลา 5-10 นาที
ที่พักแนะนำ
6. อิคาโฮะ ออนเซ็น (Ikaho Onsen)
จังหวัดกุนมะ เมืองที่มีหมู่บ้านอยู่บนพื้นที่สูงและขั้นบันไดหินที่มีชื่อเรียกว่า “Ichidankai” 365 ขั้นในแต่ละช่วงของขั้นบันไดจะมีฝาท่อเป็นรูปปีนักขษัตร และจะมีจุดที่มีออนเซ็นเท้าให้แช่ได้ฟรี น้ำแร่ที่นี่นอกจากมีคุณประโยชน์แล้ว หมู่บ้านที่อยู่บนพื้นที่สูงแห่งนี้ยังมีอะไรหลากหลายให้เราได้ค้นหา
การเดินทาง : จากสถานี Tokyo - รถไฟสาย Joetsu Shinkansen ใช้เวลา 50นาที - สถานี Takasaki - รถไฟสาย Joetsu ใช้เวลา 30นาที - สถานี Shibu - รถบัส 30นาที - Ikaho Onsen Bus Terminal - เดิน 10 นาทีถึงบันไดหิน
จากสถานี Ueno - รถไฟสาย Takasaki ใช้เวลา 120นาที - สถานี Takasaki - รถไฟสาย Joetsu ใช้เวลา 30นาที - สถานี Shibu - รถบัส 30นาที - Ikaho Onsen Bus Terminal - เดิน 10นาทีถึงบันไดหิน
ที่พักแนะนำ
7. โกคายามะ (Gokayama)
จังหวัด โทยามะ หมู่บ้านมรดกโลกที่มีตั้งแต่สมัยเอโดะ หลังคาทรงลาดเอียงแบบกัซโซ ที่สามารถทำให้หิมะที่ตกลงมาอย่างหนักในฤดูหนาวตกลงได้อย่างสบายๆ ซึ่งเป็นภูมิปัญญาของคนในอดีต หมู่บ้านแนวๆ อย่างโกคายามะ เป็นอีกหนึ่งหมู่บ้านที่มีเสน่ห์ ไม่ว่าจะฤดูไหนก็ตามก็ยังมีนักท่องเที่ยวเดินทางมา
การเดินทาง : จากสถานี คานาซาว่า หรือโทยามะ ให้เดินทางไปที่สถานี Shin-Takaoka และเปลี่ยนเป็นโดยสารบัสจะใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม. ถึงหมู่บ้าน หรือสามารถเดินทางด้วยบัสจากสถานี JR Takaoka ได้เช่นกัน
8. ชิราคาว่าโกะ (Shirakawago)
จังหวัด กิฟุ หมู่บ้านน่ารักๆ หลังคาทรงกัซโซ่ ก็เป็นอีกหนึ่งหมู่บ้านที่เป็นมรดกโลก ซึ่งปัจจุบันยังมีบ้านบางหลังที่มีคนอยู่อาศัยอยู่ และบางหลังได้เปิดเป็นที่พักให้กับนักท่องเที่ยว ที่นี่มีความสวยในทุกฤดูกาล และยังมีความแตกต่างกันด้วยสภาพแวดล้อมของที่นี่ไม่ว่าจะเป็นแม่น้ำที่ตัดผ่านทางเข้าของหมู่บ้านที่มีเสน่ห์ให้นักท่องเที่ยวต้องหยุดถ่ายภาพเป็นที่ระลึกกันตลอดทั้งวัน
การเดินทาง : โดยสารบัสที่ Takayama Busterminal ประมาณ 1 ชั่วโมง 40 นาที หรือสามารถเดินทางจากนาโกย่า และคานาซาว่าได้เช่นกัน
9. โมจิโค (Mojiko)
จังหวัดฟุกุโอกะ ท่าเรือที่มีอาคารสไตล์ยุโรป เรียงราย และมีสีสันสดใสนี้ตั้งอยู่ตอนเหนือของคิวชู และที่นี่ยังสามารถมองเห็นเกาะฮอนชูที่จังหวัด ยามากุชิได้จากโมจิโคะด้วย ความงามเป็นเอกลักษณ์ของที่นี่ทำให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาถ่ายรูปเล่น และชมวิว นั่งทานอาหารและสามารถพักที่โรงแรมที่นี่ได้ ก็ถือว่าที่นี่เป็นอีกจุดที่โรแมนติกไม่แพ้ใครเลยค่ะ
การเดินทาง : หากเดินทางจากทางสถานีฮาคาตะ ให้ลงที่สถานี Kokura แล้วโดยสารรถไฟสาย Kagoshima Main Line (鹿児島本線, Kagoshima-honsen) ที่ไปยังMojiko และให้ลงที่สถานี Mojiko โดยใช้เวลาเดินทาง 14 นาทีจากโคคุระ และเดินประมาณ 2 นาทีก็จะถึงบริเวณท่าเรือ
ที่พักแนะนำ
10. คุสะสึ (Kusatsu)จังหวัดกุนมะ เมืองน้ำร้อนแห่งนี้ เดินทางอาจจะไม่เหมือนกับใครเค้าแต่ก็มีเสน่ห์ที่ต้องกลับไปอีก ออนเซ็นน้ำแร่คุณภาพดีเรียกได้ว่าอันดับต้นสุดๆ ในญี่ปุ่นเลยก็ได้ เคยปวดขาอย่างหนักเลยแล้วไปที่นี่นะ แช่คืนนึงกลับมาเดินดีขึ้นมากๆ ยอมรับว่ากลับไปอีกค่ะ ไปมาสามรอบแล้วที่นี่คือสุดยอดเลย น้ำของเมืองนี้ ไม่ได้เป็นน้ำเย็นที่ต้องการเครื่องทำน้ำอุ่นเหมือนเมืองอื่นๆ นะ แต่เป็นน้ำร้อนที่มีอุณภูมิสูงมาก จนต้องมากวนให้มันเย็นลงทั้งเมืองอ่ะเป็นน้ำร้อนหมดเลย ลองไปดูนะคะ แถมเมืองยังมีความชิลอีกด้วบ
การเดินทาง : แนะนำให้เดินทางจากเป็น 3 วิธีดังนี้
1. รถไฟจากสถานีอุเอะโนะ (Ueno) โดยสาร JR Limited Express ที่ไปยัง Kusatsu โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง ค่าโดยสาร 5,270 เยน จากนั้นให้ลงที่ นากาโนะฮาระ คุสะซึ กุชิ (Naganohara Kusatsu-guchi) และโดยสารบัส JR โดยจะใช้เวลาประมาณ 25 นาทีในการเดินทางถึง Kusatsu Onsen Bus Terminal ค่าโดยสาร 700 เยน (เด็ก 350 เยน)
2. รถไฟชินกันเซ็นสาย Nagano Shinkansen เดินทางเพื่อไปลงที่สถานี Karuizawa โดยใช้เวลาประมาณ 70 นาที ค่าโดยสารประมาณ 5,500 เยน จากนั้นโดยสารบัสสาย Seibu Kogen Bus หรือ Kusakaru Kotsu โดยใช้เวลาประมาณ 80 – 100 นาทีในการเดินทางไปยังคุสะซึ ค่าโดยสารประมาณ 2,200 – 3,880 เยน)
3. รถบัส โดยสาร JR Highway bus จากสถานี Shinjuku จาก JR Highway Bus Terminal เพื่อไปลงยังคุสะซึ โดยใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง (ขึ้นอยู่กับการจราจร) ค่าโดยสาร 3,300 เยน
ที่พักแนะนำ
11. โอตารุ (Otaru)
จังหวัด ฮอกไกโด หมู่บ้านกล่องดนตรีที่อยู่ห่างออกมาจากคลองโกดังสินค้าอันแสนโรแมนติกก็เป็นอีกหนึ่งจุดที่น่าเดิน ด้วยความรู้สึกที่ผสมผสานระหว่างอาคารที่มีทั้งแบบตะวันตก และอาคารแบบญี่ปุ่นพร้อมร้านค้า ร้านอาหาร ข้างทางเรียงรายทำให้ใครที่มาโอตารุก็ต้องเตรียมท้องโล่งๆ กันจึงจะเรียกว่าเหมาะสุด เพราะทั้งชีสเค้ก แล้วก็เหล่าอาหารทะเลสดๆ รอเพื่อนๆ มาชิมอยู่ค่ะ
การเดินทาง : การเดินทาง จากซัปโปโรโดยสารรถด่วน 32 นาที ถ้ารถธรรมดาก็ห้าสิบกว่านาที หรือถ้าเดินทางจากสนามบินชินชิโตเสะ ก็ใช้เวลาประมาณชั่วโมงครึ่งไม่เกินนี้แน่ๆ และราคารถไฟจะอยู่ที่ 2,300 เยน เป็นแบบจองที่นั่ง แต่ถ้าไม่จองที่นั่งพิเศษจะอยู่ที่ 1,780 เยน ถ้านั่งรถไฟขาไปให้เลือกที่นั่งทางด้านขวานะคะ จะได้เห็นทะเลสวยๆ แล้วขากลับให้นั่งทางด้านซ้ายมือที่พักแนะนำ
ที่พักแนะนำ
12. ยูฟุอิน (Yufuin)จังหวัด โออิตะ เมืองในฝันของใครหลายๆ คน ที่เมืองนี้ไม่ได้มีความรู้สึกเหมือนเป็นญี่ปุ่น แต่ให้ความรู้สึกแบบยุโรปอย่างที่ Yufuin Floral Village ถ้าใครได้ไปแล้วละก็รับรองได้ภาพมาเพียบเลยค่ะ เพราะให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ดินแดนในฝัน แล้วแถวๆ นั้นก็ยังมีภูเขายูฟุ มีออนเซ็นให้แช่ด้วย เลยทำให้ยูฟุอินก็เป็นเมืองน่ารักๆ ที่น่าไปเที่ยวค่ะ
เครดิตภาพเว็บไซด์ : JAPANiCAN.com
การเดินทาง : กรณีเดินทางจากสนามบินฟุกุโอกะ ใช้เวลาเดินทางด้วยบัส 2 ชั่วโมงครึ่ง หรือเดินทางด้วยรถไฟจากสนามบิน และเดินทางไปเปลี่ยนรถไฟที่สถานี Hakata ด้วยรถไฟสาย Yufu ขบวนที่จะไปจังหวัด Oita ค่าโดยสารทั้งหมด 4,610 เยน13. กุโจฮาจิมัง Gujo-Hachiman
จังหวัดกิฟุ หมู่บ้านที่มีน้ำสะอาดที่คนในอดีตใช้กิน และนำมาใช้ในชีวิตประจำวันแห่งนี้ มีทั้งความสวยงาม ธรรมชาติ เรื่องราวแห่งประวัติศาสต์ และปราสาทให้เราได้ชม แต่ในปัจจุบันหมู่บ้านแห่งนี้ได้มีสิ่งที่นักท่องเที่ยวไปชมกันมากคือ การได้มีส่วนในการทำของตัวอย่าง เช่นขนมหวานที่วางขายอยู่ตามหน้าร้านค้าต่างๆ ในญี่ปุ่น ซูชิ หรืออาหาร ฯลฯ ต่างมาจากการผลิตที่เมืองแห่งนี้แหล่ะ กุโจ ฮาจิมัง!!!
การเดินทาง : สามารถเดินทางด้วยรถไฟสาย JR หรือบัสจากสถานี ทาคายาม่า หรือสถานีนาโกย่า โดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง แต่แนะนำให้เดินทางด้วยรถไฟจะดีกว่าเนื่องจากว่าถ้าเดินทางด้วยบัสจะต้องเดินจากจุดจอดรถบัสลงเขาไปแล้วเข้าหมู่บ้านได้โดยการเดินประมาณ 3 กิโลเมตร จึงแนะนำให้เดินทางด้วยรถไฟและลงที่สถานี Gujo-Hachiman (郡上八幡駅) ในบางเที่ยวอาจจะต้องเปลี่ยนสายรถไฟ 2 ครั้ง ที่สถานีกิฟุ หรือบางครั้งอาจจะแค่เปลี่น 1 ครั้งที่ สถานี Mino - Ota ครั้งเดียว โดยต้องสอบถามกับทางเจ้าหน้าที่
14. อิยาชิโนะ ซาโตะ นาเอบะ Healing Village (Saiko Iyashino-Sato Nenba)
ที่นี่ในอดีตคือหมู่บ้านที่มีคนพักอาศัยจริง แต่เนื่องจากเกิดภัยธรรมชาติไต้ฝุ่นถล่มจนทำให้ไม่เหลือพื้นที่ให้พักอาศัย ปัจจับันได้มีการสร้างบ้านขึ้นมาใหม่ และเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ ที่นี่มีดียังไง ทำไมถึงแนะนำให้มานั่นก็คือ ที่นี่มีหมู่บ้านหลังคามุงจากที่สวยงามบนเขา และสามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้สวยในวันที่สภาพอากาศเปิด ค่าธรรมเนียมการเข้าชม 350 เยน
การเดินทาง : กรณีโดยสาร Retro Bus ใช้เวลา 50 นาที โดยสามารถโดยสารได้จาก สถานี Kawaguchiko (Fuji Kyuko Line)
15. เกียวโต (Kyoto)
จังหวัดเกียวโต เมืองหลวงเก่าที่ยังคงคุณค่า และมีหมู่บ้านที่ยังคงความเป็นเกียวโตในอดีตไว้มีหลายจุดเลย เพื่อนๆ อาจจะเริ่มชมจากใกล้ๆ วัดน้ำใสก่อนได้ค่ะ และก็มีหลายคนที่เช่าชุดยูกะตะแล้วเดินเล่นกัน ก็เป็นบรรยากาศดีๆ ชิลๆ ที่คนไทยหลายๆ คนน่าจะชอบ ยิ่งช่วงซากุระ จะมีความเดินทางมาท่องเที่ยวกันจนหาที่พักแทบไม่ได้เลยค่ะ
การเดินทาง : โดยสารบัสจากสถานีเกียวโต ขึ้นที่ Bus terminal หมายเลข D2 ค่ะ จุดหมายคือ kiyomizu-dera temple ค่ะและในเกียวโตยังมีอีกหลายจุดเลยที่เป็นหมู่บ้านให้เราได้เที่ยวกัน
ที่พักแนะนำ16. โอชิโนะฮักไก Oshino Hakkai
หมู่บ้านน้ำใสที่ใครๆ ที่รักฟูจิก็ชอบไปกัน น้ำที่ไหลจากภูเขามายังหมู่บ้านแห่งนี้ใสจนถึงก้นบ่อ เพื่อนๆ สามารถสนุกกับของกินอร่อยๆ เช่นเต้าหู้มิสโสะ ของขึ้นชื่อ และเดินเล่นถ้าฟูจิเค้าไม่อายคงได้ภาพสวยๆ กลับไปอย่างแน่นอน
การเดินทาง : ไม่ ว่าจะเดินทางจากสถานี Kawaguchiko หรือจาก Gotemba ก็ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงนะคะ โดยเพื่อนๆ อาจจะต้องสอบถามที่สถานีว่าบัสที่ไป Oshino Hakkai มีกี่โมงบ้าง แล้วก็ยังมีบัสที่วิ่งจากสถานี Fujisan ด้วยค่ะ โดยเราต้องโดยสารบัสที่ไปยัง Uchino และ Hirano ที่ Fujikko tourist buses แต่ว่าทั้งหมดทั้งปวงอย่าเลยนะคะ เราต้องไปลงที่หมู่บ้าน Oshino Hakkai bus stop บัสบางคันที่ไป Oshino Hakkai Iriguchi คือจะไกลนะคะ ให้เน้นๆ ย้ำๆ กับเค้าว่าฉันจะลงที่ Oshino Hakkai bus stop เท่านั้น
17. เมืองนารา (Nara)
บางคนที่เดินทางมาเที่ยววัด เที่ยวสวนเพื่อเล่นกับกวางในเมืองนาราก็อาจจะไม่ได้สนใจเมืองเท่าไหร่นัก โดยเฉพาะคนที่ลงที่สถานี Kintetsu Nara อาจจะยิ่งไม่เคยทราบมาก่อนเลยว่าใกล้ๆกับสถานี JR นารา ยังมีหมู่บ้านที่น่าเดินเล่นสบายๆ เพราะที่นี่อาจจะต้องใช้เวลาเดินไปยังจุดท่องเที่ยวถึง 10 นาที แต่ถ้าใครที่เดินทางมาด้วยชินคันเซ็นจากเกียวโตน่าจะรู้จักที่นี่เป็นอย่างดี
การเดินทาง : ไม่ว่าจะเดินทางจากคันไซ โอซาก้าด้วยรถไฟ JR ชินกันเซ็น หรือมาจากทางโตเกียว นาโกย่า ก็จะต้องเปลี่ยนสายกันที่สถานี เกียวโตนะคะ จะใช้เวลาประมาณ 40 นาทีเท่านั้น โดยให้ไปลงที่สถานี JR Nara แต่ถ้าอยู่เกียวโตอยู่แล้วจะเดินทางมาลงที่สถานี Kintetsu Nara ก็ได้ค่ะ แต่ถ้าจะเดินเล่นที่หมู่บ้านเราแนะนำให้เลือกที่ลงที่สถานี JR Nara
ที่พักแนะนำ
18. เมืองมินามิอุโอนุมะ (Minami Uonuma)
เมืองหิมะที่คลาสสิก ใกล้ๆ กับสถานี Echigo-Yuzawa เพื่อนๆ คนไหนไปเล่นสกีแถบๆ นั้นจะแวะไปเดินเล่นถ่ายภาพบ้านแนวๆ ญี่ปุ่น หรือจะไปเล่นสกีแถบนั้นก็มีนะคะ เมืองนี้สวย แล้วยังไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเลย
ภาพและข้อมูล: Nikaido Pansana
การเดินทาง : จากสถานีรถไฟ Echigo-Yuzawa เมื่อเดินทางจากโตเกียวด้วยรถไฟชินคันเซ็น ให้เปลี่ยนเป็นรถไฟ Local สาย Hokuhoku หรือสาย Joetsu โดยจะใช้เวลาเดินทางประมาณ19นาทีไปลงที่สถานีรถไฟ Shiozawa จากนั้นใช้เวลาเดินไปยังหมู่บ้านประมาณ 7 นาที
ที่พักแนะนำ
19. คาวาโกเอะ (Kawagoe)
จังหวัดไซตามะ ปัจจุบันที่เมืองแห่งนี้เป็นเมืองเก่าที่เต็มไปด้วยขนมอร่อยๆ ขายเต็มไปหมดที่ไม่ใช่เพียงแค่เซมเบ้ เพื่อนๆ ต้องเตรียมท้องให้โล่งๆ ไปเลยค่ะ เพราะตลอดเส้นทางจะมีขนมเยอะแยะเลย อร่อยหลายร้านอยู่ค่ะ
การเดินทาง : จากสถานีอิเคะบุคุโระ เดินทางด้วยรถไฟสาย Tobu Tojo จากนั้นให้ลงที่สถานี Kawagoe และเดินไปยังเมืองเก่าโดยใช้เวลาประมาณ 10 นาที
ที่พักแนะนำ
20. ย่านเมืองเก่าสมัยเอโดะคุระโยชิ
จังหวัด ทตโทริ ที่นี่เป็นอาคารที่สร้างในยุคสมัยเอโดะ และช่วงสมัยเมจิ มีความเก่าแต่ตามแบบญี่ปุ่น และแถบนี้ยังมีสะพานหิน แม่น้ำ เรียกได้ว่ามีธรรมชาติผสมกับความสวยของอาคาร ดูๆ แล้วก็แอบๆ คล้ายกับคานาซาว่าเหมือนกันค่ะ
ภาพถ่าย และเนื้อหาโดย Sebo Prapaornsuk
การเดินทาง : จากสถานี JR Tottori เดินทางประมาณ 30 นาที
เดินทางไปจากสถานีโคนัน และให้ลงที่สถานีคุราโยชิ และโดยสารรถบัสที่ออกจากป้ายหมายเลข 2 ไปลงที่ป้าย AKAGAWARA SHIRAKABE DOZO ประมาณ 15 นาที และเดินต่ออีก 5 นาที
ที่พักแนะนำ
21. คุราชิกิ (Kurashiki)
จังหวัดโอคะยะมะ ที่หมูบ้านแห่งนี้เป็นหมู่บ้านที่มีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์มากว่า 300 ปี ที่นี่มีแม่น้ำคุราชิกิ ไหลผ่านกลางชุมชนในอดีต ซึ่งยังมีต้นหลิวเรียงราย และอาคารไม้โกดัง พร้อมร้านค้าน่ารักๆ ที่ยังคงสภาพแบบในอดีต เรียกว่าใครได้ไปที่เมืองนี้ จะหลงรัก ไม่ได้แพ้หมู่บ้านดังๆ กันเลยค่ะ
ภาพโดย : Sebo Prapaornsuk
การเดินทาง : จากสถานี JR Kurashiki ใช้เวลาในการเดินมายังหมู่บ้าน 10 นาที
ที่พักแนะนำ
22. ซาวาระ (Sawara) จังหวัดชิบะ
ภาพโดย : Sebo Prapaornsuk
การเดินทาง : สามารถเดินทางด้วยรถบัสจากสถานีโตเกียว ค่าโดยสาร 1,750 เยน ใช้เวลา 1 ชั่วโมงครึ่ง หรือเดินทางจากอุเอะโนะโดยใช้รถไฟสาย Keisei (ให้เปลี่ยนสายที่สถานีนาริตะ หรือรถไฟสาย Sobu Kaisoku (สีฟ้า) ที่เดินทางไปถึงนาริตะ โดยให้เปลี่ยนรถไฟที่สถานีชิบะ หรือนาริตะ จากนั้นเดินทางอีกประมาณ 40 นาที ลงที่สถานี Sawaraซึ่งจะใช้เวลานานมากจึงแนะนำให้โดยสารบัสเพราะราคาไม่ต่างกัน
ที่พักแนะนำ
เป็นยังไงกันบ้างคะ มีจังหวัดไหน ที่เพื่อนๆ กำลังจะไปพอดีรึเปล่า ถ้ามีก็จัดไปสักรายการสิคะ จริงๆ ที่ญี่ปุ่นยังมีเมืองที่น่าเที่ยวอีกเยอะเลยค่ะ เอาไว้จะรีบรวบรวมภาคสองออกมาให้อีกนะคะ สวัสดีคร้าา!!!